วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

รักกับหลงต่างกันอย่างไร

ความรัก ค่อยๆก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ความหลง เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความรัก อดทนต่อกันและกันเสมอ ความหลง กระทำไปตามอารมณ์
ความรัก ทำสิ่งดีๆให้กัน ความหลง ทำสิ่งดีๆให้ตัวเอง
ความรัก ไม่คิดถึงตัวเองฝ่ายเดียว ความหลง คิดถึงแต่ตัวเอง เรียกร้องแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการ
ความรัก ชื่นชมสิ่งดี ไม่ยอมรับสิ่งผิด ความหลง หาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง แก้ตัว
ความรัก ปกป้องกันและกัน ความหลง ปกป้องตัวเอง ไม่แคร์ว่าใครจะเจ็บ
ความรัก ไว้ใจซึ่งกันและกัน ความหลง หวาดระแวง จับผิด ขี้สงสัย
ความรัก ให้อภัย ความหลง แค้นนี้ต้องชำระ
ความรัก ทนต่อทุกอย่าง ความหลง ถอยหนียามลำบาก
ความรัก ให้โดยไม่มีการเลิกรา ความหลง หยุดเมื่อไม่ได้รับการปรนเปรอ
ความรัก เป็นอมตะ คงทนถาวร ความหลง ไม่มั่นคง อยู่ได้ไม่นาน
ความรัก ซื่อสัตย์ต่อกัน ความหลง หลอกลวง เชื่อถือไม่ได้
ความรัก ไม่ฉุนเฉียวง่าย ความหลง ด่าว่าให้เจ็บช้ำ
ความรัก ไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ความหลง ไม่ให้เกียรติ ฉันต้องสำคัญที่สุด เป็นรองไม่ได้
ความรัก มีความหวังอยู่เสมอ ความหลง คุณพลาดแล้วหมดโอกาสแก้ตัว
ความรักจะช่วยส่งเสริมคนทั้งคู่ให้เจริญก้าวหน้าขึ้นเช่น การเรียนดี ประพฤติดี ความหลงไม่สนใจอะไร มุ่งแต่จะอยู่ด้วยกัน สุดท้ายก็ลงเอยเรื่อง sex
ความรักจะเตือนสติถ้าอีกฝ่ายทำสิ่งไม่สมควร และมีความยับยั้งชั่งใจ ไม่ชิงสุกก่อนห่าม ความหลงไม่มีการเตือนสติกัน แต่จะมองสิ่งผิดให้เป็นสิ่งถูก เช่นแฟนกินเหล้า สูบบุหรี่ เสพยา หนีเรียนก็ไม่ว่าเพราะหลงจนไม่อยากขัดใจ
ความรักจะทำดีต่อกัน รักกันเสมอต้นเสมอปลาย ความหลงแรก ๆ รักจนไปลืมหูลืมตา ต่อมาอีกไม่นานก็เริ่มหน่ายตีตัวออกห่างไปหาคนอื่นต่อ

วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เรื่องขำๆ

เรื่องที่ 1 "ทัพพีที่หายไป"
เมื่อวินัยเชิญแม่ของเขามากินมื้อค่ำที่อพาร์ทเมนท์ ซึ่งเขาอยู่กับสาวสวยชื่อนิสา คุณแม่จึงอดเคลือบแคลงในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้ ระหว่างร่วมโต๊ะมื้อเย็นนั้นเอง คุณแม่ของวินัยเฝ้าสังเกตสายตาที่ทั้งคู่มองสบกัน จนลูกชายชักเดาใจออก จึงรีบพูดขึ้นว่า “ผมรู้นะว่าแม่กำลังคิดอะไร .. แต่ผมยืนยันได้แน่ว่า ผมกับนิสาเป็นแค่รูมเมทเท่านั้น ไม่มีอะไรเกินเลยจริงๆ” หลังจากแม่ของวินัยกลับไปได้ 1 อาทิตย์ นิสาจึงบอกวินัยว่า “ตั้งแต่แม่ของคุณมาเยี่ยมเราคราวนั้น ฉันก็หาทัพพีคันโปรดไม่เจอเลย ที่จริง..ฉันก็ไม่คิดว่าแม่ของคุณจะเอาไปหรอกนะคะ หรือคุณว่ายังไง” วินัยจึงตอบว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จะลองเขียนจดหมายไปถามคุณแม่ดู” วินัยจึงนั่งลงเขียนจดหมาย เนื้อความว่า.. “เรียน คุณแม่สุดที่รัก.. ผมไม่ได้คิดว่าคุณแม่จะเผลอเอาทัพพีที่บ้านผมไปหรอกนะครับ แต่จะว่าแม่ไม่ได้เอาไป..... ก็ยังไงอยู่ เพราะทัพพีสวย ๆ คันหนึ่งหายไปตั้งแต่วันที่คุณแม่มาทานข้าวเย็นที่บ้าน ขอแสดงความนับถือ วินัย” หลายวันต่อมา วินัยได้รับจดหมายตอบจากแม่ของเขา เนื้อความว่า.. “ถึง ลูกชายสุดที่รักของแม่ แม่ไม่เคยพูดว่าลูกมีอะไรกับนิสา แต่แม่ก็ไม่ได้คิดว่าลูกจะไม่มีอะไรกับเธอ เพราะความจริงมีอยู่ว่า ถ้านิสานอนที่ห้องตัวเอง ก็คงเจอทัพพีนั่นไปตั้งนานแล้ว รักมาก แม่”

เรื่องที่ 2 "ตอนเป็นแฟนกัน อะไรๆมันก็ดีอย่างนี้"
ชายหนุ่ม : บ้านคุณอยู่ไกล ซอยเปลี่ยว อันตราย ให้ผมไปส่งดีกว่า หญิงสาว : ซอยมันแคบกลับรถลำบากนะค่ะ ชายหนุ่ม : ไม่เป็นไรครับ ผมถอยหลังผ่านตลอดออกได้ เมื่อแต่งงานกันผ่านไป 5 ปี.... อะไรอย่างนี้ก็เกิดขึ้น ภรรยา : พี่ ๆ กลับเถอะดึกมากแล้ว สามี : จะคุยกับเพื่อน กลับไปก่อนซิ ภรรยา : ซอยมันเปลี่ยว อันตรายน่ะพี่ สามี : กลับประจำ ไม่มีอะไรหรอก ภรรยา : ชั้นกลัวถูกข่มขืน สามี : ไม่หรอกน่า ... เดี๊ยวนี้ โจรมันฉลาด... มันรู้จักเลือก

เรื่องที่ 3 "วิธีประหยัด"
เรื่องของคุณลุงคนนึง แกทำงานอยู่ กทม. ใกล้จะเกษียณแล้วล่ะ วันหนึ่งก็มารอรถเมล์จะกลับบ้าน รออยู่คันแล้วคันเล่ารถก็ดูเต็มทุกคัน แกรออยู่ตั้งนาน เวลาก็ค่ำลงๆ ก็มีอยู่คันหนึ่ง ทำท่าว่าจะจอดรับ แต่ก็ไม่จอด แต่ลุงแกนึกว่าจะจอดก็ค่อยๆ วิ่งไล่ตามแกวิ่งไล่ตามไปเรื่อยๆ เผลอไปสักพักใหญ่ ....เฮ้ย .....ถึงบ้านแล้วนี่หว่า แกดีใจ เออดี .....ไม่ต้องเสียค่ารถเมล์สามบาท แกดีใจ ใหญ่เลย กลับไปเล่าให้เมียฟัง ลุง : นี่เธอจ๋า .. วันนี้พี่วิ่งไล่ตามรถเมล์มานะ ถึงบ้านพอดี ตังค์ก็ไม่ต้องเสียตั้งสามบาทล่ะ เมีย : (พอได้ยินแทนที่จะดีใจไปด้วยกลับด่าส่ง)...ไอ้แก่จะตายแล้วยังจะโง่อีก ลุง : อ้าวมาด่าชั้นทำไมล่ะ เมีย : นี่ถ้าแกวิ่งตามแท็กซี่ แกรู้มั้ย ประหยัดได้อีกตั้งเท่าไหร่

เรื่องที่ 4 "ทางแก้ปัญหา"
สามี: เธอพกรูปฉันไว้ในกระเป๋าเสมอ ทำไมหรอ ภรรยา: อ๋อ ก็ถ้ามีปัญหาอะไร ไม่ว่าจะหนักหนาแค่ไหน ฉันก็จะดูรูปเธอ แล้วปัญหาก็หายไปเลย สามี: เห็นมั้ย ว่าฉันเป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับเธอขนาดไหน ภรรยา: ใช่ ฉันมองภาพเธอแล้วก็พูดกับตัวเองว่า “ปัญหาอะไรจะมาหนักหนากว่านี้อีกนะ”
เรื่องที่ 5 "บ่ออธิษฐาน"
หนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินมาถึงบ่อศักดิ์สิทธิ์ที่หลายคนมาอธิษฐานขอพร ฝ่ายชายเริ่มโน้มตัวไปข้างหน้า ตั้งจิตอธิษฐานและโยนเหรียญลงไป ฝ่ายภรรยาอยากอธิษฐานเช่นกันแต่เธอโน้มตัวไปมากเกินจนเสียศูนย์ ตกลงไปในบ่อ แล้วจมน้ำตาย สามีพูดขึ้นเบาๆว่า “ว้าว ได้ผลจริงๆด้วย”

เรื่องที่ 6 "เสียสละที่นั่งให้หญิง"
ลูกชาย: แม่ครับ ตอนที่อยู่กับพ่อบนรถเมล์เมื่อเช้านี้ พ่อบอกให้ผมสละที่นั่งให้ผู้หญิงสาวคนหนึ่งครับ แม่: ดีจ้ะลูก ลูกทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ลูกชาย: แต่แม่ครับ ผมนั่งอยู่บนตักพ่อนะ

เรื่องที่ 7 "ประสบการณ์เฉียดตาย"
หญิงวัยกลางคนเกิดอาการหัวใจวายและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ระหว่างที่อยู่บนเตียงผ่าตัด เธอพบกับประสบการณ์เฉียดตาย ซึ่งในระหว่างนี้เธอเห็นพระเจ้าและถามพระองค์ว่าวาระสุดท้ายของเธอมาถึงแล้วใช่ไหม พระเจ้าตอบว่ายัง เธอต้องอยู่ต่อไปอีกสามสิบปี หลังจากฟื้นคืนสติ เธอตัดสินใจอยู่ต่อที่โรงพยาบาลต่อเพื่อผ่าตัดดึงหน้า ทำปากให้อิ่มเอิบ เสริมหน้าอกและอื่นๆอีกสารพัด เธอยังให้ช่างเข้ามาเปลี่ยนสีผมให้อีกด้วย เธอทำเช่นนี้เพราะเห็นว่าในเมื่อจะต้องมีชีวิตอยู่อีก 30 ปี ต้องใช้เวลาทั้งหมดนี้อย่างมีความสุขที่สุด หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการเสริมสวย เธอเดินออกจากโรงพยาบาล แต่โชคร้ายกลับถูกรถพยาบาลชนตาย เมื่อมาพบหน้าพระเจ้าอีกครั้ง เธอบ่นว่า “ฉันได้ยินว่าพระองค์บอกเองว่าฉันต้องมีชีวิตอยู่อีก 30 ปี” พระเจ้าตอบว่า “โทษที เราจำเจ้าไม่ได้!”

เรื่องสุดท้าย
"สามีนอนดูอเมริกันฟุตบอลอยู่ ภรรยาเข้ามาขอร้อง "ซ่อมไฟทางเดินให้หน่อยสิ มันเสียมาหลายวันแล้ว" "ซ่อมไฟเหรอ" สามีโมโห "ฉันไม่ได้ทำงานเจเนรัลอิเลคทริคนะ ดูที่หน้าผากซิมี จีอี. สลักไว้หรือเปล่า" "งั้นซ่อมประตูตู้เย็นให้หน่อยนะ" ภรรยาขอต่อ "ซ่อมตู้เย็น ? " สามีฉุน "ไม่ได้ทำงานเวิล์ดพูลนะ ดูหน้าผากฉันซิมีอักษรสลักไว้หรือเปล่า" "ค่ะ อย่างน้อยช่วยดูบันไดให้หน่อยได้ไหม รู้สึกมันจะพังแล้วนะ "ซ่อมบันได" สามีโมโหสุดขีด "ฉันไม่ใช่พนักงานรับซ่อมบ้านนะ ดูซิมีเครื่องหมายพนักงานอยู่ตรงไหน" สามีปึงปังออกจากบ้านไป เขาไปดื่มเหล้าดับอารมณ์อยู่สักพักก็รู้สึกตัวว่าเขาพูดจารุนแรงไป เขาตัดสินใจกลับบ้านมาซ่อมของใช้ให้ภรรยา เมื่อกลับเข้าบ้าน เขาเห็นไฟทางเดินส่องสว่างดี ประตูตู้เย็นก็ซ่อมเป็นปกติ บันไดก็ซ่อมเสร็จ เขาจึงถามภรรยา "ที่รัก นี่เธอซ่อมมันยังไง" "อ๋อ พอคุณออกจากบ้านไป ฉันก็นั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าบ้าน มีผู้ชายคนหนึ่งผ่านมาถาม ฉันเลยเล่าให้ฟัง เขาอาสาว่าจะซ่อมให้ โดยขอนอนกับฉันครั้งหนึ่ง หรือไม่ก็ทำคุกกี้ให้เขา" "เหรอ แล้วเธอทำคุกกี้อะไรให้เขาล่ะ" สามีถาม "นี่คุณ" ภรรยาขึ้นเสียง "ดูหน้าผากฉันซิ มีอักษร S & P หรือเปล่า"

http://irrigation.rid.go.th/rid15/ppn/General/Pakinaka/31.htm

ลดน้ำหนักแบบธรรมชาติ

ลดน้ำหนักแบบธรรมชาติถ้าสมมติฐานที่ว่าความอ้วนและสุขภาพที่เสื่อมโทรมมาจากการใช้ชีวิตแบบฝืนธรรมชาติ ระหว่างที่คุณพยายามจัดระเบียบและปรับชีวิตทั้ง 3 ส่วนให้กลับสู่ความสมดุลตามธรรมชาติ ทำไมไม่ลองลดความอ้วนด้วยวิธี "ธรรมชาติบำบัด" ไปพร้อมๆ กันล่ะคะ!
นายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล แห่งศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี กล่าวไว้ข้อหนึ่งว่า วิธีลดความอ้วนด้วยธรรมชาติบำบัด ที่สำคัญคือ ต้องออกกำลังกาย และ ควบคุมอาหาร ก่อนจะแนะนำสูตรควบคุมอาหาร ซึ่งมีให้เลือกปฏิบัติตามแต่ความถนัดของแต่ละคน
1. ไม่กิน(ข้าว) มื้อเย็น วิธีนี้เหมาะจะเป็นบันไดขั้นแรกสู่สูตรต่อๆ ไป โดยในมื้อเช้าและกลางวันสามารถกินได้ตามปกติ เฉพาะมื้อเย็นเท่านั้นที่กินอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ข้าว อาจจะหาจานเปล่ามา 1 ใบ ใส่ผักสดให้เต็มจาน แล้วกินกับกับข้าวไทยๆ อาทิ น้ำพริกปลาทู แกงส้ม แกงเลียง ยำ ลาบ งดกับข้าวมันๆ เช่นผัดผักมันๆ ของทอด และแกงกะทิ
2. อดอาทิตย์ละวัน เลือก 1 วันในสัปดาห์สำหรับงดเนื้อสัตว์ ไขมัน ข้าว แล้วกินแต่ผลไม้อย่างเดียวทั้งวัน เช่น มะละกอสุก
3. อดด้วยน้ำผลไม้ 3 วัน วิธีการคล้ายกับสูตรที่ 2 เพียงแต่เปลี่ยนจากการกินเนื้อผลไม้มาเป็นการดื่มน้ำผลไม้วันละชนิด ติดต่อกัน 3 วัน
4. อดเพื่อสุขภาพ 10 วัน เริ่มจาก 2 วันแรกกินแต่ผลไม้ ต่อจากนั้นกินผักและผลไม้สดชนิดต่างๆ จนครบ 10 วัน ซึ่งใน 10 วันนี้ถ้าทำอย่างเข้มงวด น้ำหนักจะหายไปประมาณ 3-4 กิโลกรัม
5. กินเนื้อกับผัก สูตรนี้เข้าข่ายการกินแบบ "พร่องแป้ง" หรือ "โลว์-คาร์บ(Low-Carb)" คือกินได้ทุกอย่าง โดยแตะคาร์โบไฮเดรตซึ่งรวมทั้งแป้ง ข้าว และผลไม้ให้น้อยที่สุด โดยกินผักปริมาณ 2 เท่าของเนื้อ
แม้ว่าการที่ร่างกายไม่ได้รับพลังงานหลักจากคาร์โบไฮเดรตตามปกติ จะทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพเดียวกับภาวะอดอาหาร จนต้องไปดึงพลังงานส่วนเกินที่เก็บสำรองไว้มาใช้ก็จริง แต่ส่วนหนึ่งของพลังงานสำรองอาจเป็นโปรตีนจากกล้ามเนื้อ การกินเนื้อกับผักนานๆ จึงอาจส่งผลให้คุณผอมแบบกล้ามเนื้อหย่อนคล้อย จึงจำเป็นต้องรักษามวลกล้ามเนื้อไว้ด้วยการออกกำลังกายแบบแอโรบิก ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนไขมันเป็นกล้ามเนื้อได้ นอกจากนี้หากบริหารความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน อย่างการยกเวทไปพร้อมกันด้วย ก็จะช่วยเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อให้สวยงามและดูดียิ่งขึ้นด้วย
หากคุณมีความพยายามจริงจัง จะใช้ทั้ง 5 วิธีผสมผสานกันก็ได้ แต่ควรคำนึงว่าผักและผลไม้ที่จะกินควรมีความใหม่สดและผ่านการล้างอย่างสะอาดดีแล้ว ส่วนจะกินแบบนี้อยู่นานแค่ไหนก็ให้ติดตามจากผลของน้ำหนักตัวว่าได้ตามที่ต้องการแล้วหรือยัง เมื่อพอใจแล้วก็ค่อยๆ ปรับเพิ่มแป้งทีละนิด อย่างไรก็ตามแม้จะกลับมากินเหมือนเดิมแล้ว ก็ยังควรดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสกัดไม่ให้ไขมันกลับมาพอกพูนใหม่ได้ง่ายๆ อีก
สำหรับสัดส่วนของอาหารปกติหลังจากเข้าโปรแกรมกินเนื้อ-กินผักแล้วนั้น ควรเป็นการกินตามแนวธรรมชาติบำบัดคือ แต่ละวันกินข้าวกล้อง 3 มื้อ ผักสด 2 จาน ผลไม้ 2 ผล(ขนาดเท่ากับผลแอ็ปเปิ้ล) น้ำผลไม้คั้นสด 1 แก้ว กินเนื้อสัตว์วันละไม่เกิน 1 ฝ่ามือ อาหารไขมัน(จำพวกผัดและทอด) วันละไม่เกิน 2 อย่าง พร้อมๆ กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยรักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม มีรูปร่างที่สมส่วน และสุขภาพโดยรวมที่แข็งแรงมากขึ้น
เห็นไหมว่าการลดน้ำหนักแบบธรรมชาติบำบัดทำไม่ยาก ไม่ต้องอดจนหิวไส้กิ่ว ไม่ต้องใช้เงิน ยา หรืออาหารเสริมลดความอ้วนเลย แค่ปฏิบัติตามสูตรเพื่อรูปร่างแข็งแรงและสุขภาพที่ดีขึ้น มีข้อดีมากมายอย่างนี้จะไม่ทดลองลดกันดูบ้างหรือคะ? อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากหนังสือ คู่มือล้างพิษ 1 วัน, อดด้วยน้ำผลไม้, ล้างพิษ 10 วัน และกินเนื้อกินผัก รักษาเบาหวานแบบไม่ต้องอด ทั้งหมดโดยสำนักพิมพ์รวมทรรศน์ และ
http://www.yehyeh.com/webboard/question_detail.php?question_id=9175